วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

แนะนำหนังสือ : เขี้ยวเสือไฟ "จิตใจ VS วัตถุ"

         เมื่อคืนวานก่อนเข้านอนได้อ่านนวนิยาย "เขี้ยวเสือไฟ" ของมาลา คำจันทร์ อ่านมาครึ่งเล่มอยากจะอ่านต่อให้จบแต่รู้ตัวว่ารู้สึกง่วงจึงได้พักเข้านอนจนกระทั่งตื่นเช้ามาก็จัดการธุระส่วนตัวรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วจึงได้อ่านต่อที่ค้างจากเมื่อนคืน สนุกมากรู้สึกว่าเหมือนอ่านรวดเดียวจบเลย ถ้าไม่นับช่วงพักเข้านอนและทำธุระตอนเช้า

        หนังสือเล่มนี้ได้มานานแล้วเมื่อคราวช่วงกลางปีที่ผ่านมา ในช่วงงานสัปดาห์ร้านหนังสืออิสระ ร้านหนังสือนอกกระแสในเกาะรัตนโกสินทร์ อย่างเช่น ร้านศึกษิตสยาม ร้านเคล็ดไทย ฯลฯ ต่างพาหนังสือเก่าๆค้างขายโละกันออกมาจากสต๊ิอกวางขายในราคาน่าซื้อเก็บเขี้ยวเสือไฟเป็นหนึ่งในหนังสือลดราคาที่ติดมือมาจากหลายๆเล่มที่ดองไว้จนกระทั่งมีเวลาว่างเอาออกมาอ่าน

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทบันเทิงคดีสำหรับเด็กก่อนวัยรุ่น จากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ.๒๕๓๒ และรางวัล IBBY (International Board of Book for Young People) ประจำปี ค.ศ.1990

       นวนิยายเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของ แก้วเฮือน เด็กหญิงจากตระกูลพรานป่าและครอบครัว เรื่องราวเกิดขึ้นในบรรยากาศของหมู่บ้านบนป่าดอยทางภาคเหนือ เรื่องราวเกี่ยวข้องกับความเชื่อของสิ่งศักดิ์สิทธ์ วัตถุเครื่องรางของขลังตามความเชื่อของชาวบ้านที่เรียกว่า "เขี้ยวเสือไฟ" ซึ่งเป็นมีอานุภาพคุ้มครองปกป้องผู้ที่มีไว้และทำให้มีจิตใจเข้มแข็ง แก้วเฮือนได้รับเขี้ยวเสือไฟมาโดยบังเอิญ เธอเชื่อมั่นในอานุภาพของมัน เธอมีความใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นพรานตามอย่างพ่อ อา และบรรพบุรุษ 

       ผู้เขียนได้บอกเล่าเรื่องราวสอดแทรกสาระไว้ในเรื่อง โดยใช้กลวิธีเล่าเรื่องแบบค่อยๆโน้มน้าวให้ผู้อ่านเข้าใจสาระที่แท้จริงของความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเรื่องราวของ"จิตใจ"ของคนมากกว่า"วัตถุเครื่องราง" 

      ในเรื่องพรานหนุ่มสมัยใหม่ผู้เข้าใจชีวิตและเคารพจารีตคลองธรรมโบราณ "มังคละ" อาของแก้วเฮือนได้สอนเธอให้รู้จักมี"หัวใจเสือไฟ"ซึ่งหมายถึงจิตใจที่รู้จัก"อ่อน"รู้จัก"แข็ง"อย่างสมดุลเมื่อเผชิญสิ่งต่างที่เข้ามาในชีวิตของมนุษย์ ซึ่งเป็นแก่นแท้ของอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์

      นอกจากแก่นของเรื่องที่มีสาระสมสมัยแล้ว ผู้เขียนยังได้บรรยาย พรรณนา บรรยากาศของชาวชนบททางภาคเหนือเมื่อหลายสิบปีก่อนไว้ได้อย่างชัดเจน ตลอดจนกระทั่งบรรยากาศของป่าไม้เและธรรมชาติที่ปรากฏในท้องเรื่อง ผนวกกับความสมจริงของบทพูด ตัวละคร ที่ทำให้ผู้อ่านสะเทือนใจ น่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ 

      ผู้อ่านหนังสือเล่มนี้จะได้รับทั้งความบันเทิงสนุกสนาน พร้อมทั้งสาระความรู้รายละเอียดภาพชีวิตสังคมของชาวบ้านในชนบทตลอดจนถึงขบธรรมเนียม จารีต ประเพณี ความเชื่อของชาวบ้านชาวเขาชาวดอย และเรื่องราวของธรรมชาติป่าไม้ที่สัมผัสไม่ได้ในสังคมเมือง อีกทั้งคติสอนใจที่เป็นแก่นของเรื่อง หนังสือเล่มนี้นับว่าเป็นหนังสือดีเล่มหนึ่งที่ควรค่าแก่การอ่าน จึงได้แนะนำมาด้วยความปรารถนาดี



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น