พี่น้องในบ้าน ในความเข้าใจผม คือ เป็นทั้งพี่น้องกันและเพื่อนกันไปในตัว กับเพื่อนๆข้างนอกผมก็เข้าใจอย่างนั้นว่าความเป็นเพื่อนนี่มันคาบเกี่ยวกับความเป็นพี่น้องได้ เราสามารถมีเพื่อนเป็นคนรุ่นพี่อายุมากกว่า่ เหมือนก๊วยเจ๋งในนิยายมังกรหยกที่คบหาเป็นเพื่อนกับเฒ่าทารก มีมิตรภาพไม่จำกัดอายุ
พอผมเข้าโรงเรียนส่วนมากก็คบหาแต่เพื่อนในวัยใกล้เคียงกัน ไม่ค่อยมีเพื่อนรุ่นพี่รุ่นน้องเสียเท่าไร เพราะสภาพการณ์มันไม่เอื้ออำนวยนัก เวลาส่วนใหญ่ใน รร.จะใช้ร่วมกับเพื่อนร่วมชั้น และร่วมรุ่นเสียมากกว่าเพื่อนรุ่นพี่ หรือรุ่นน้อง ที่นานทีปีหนจะต้องมาเกี่ยวข้องกันที อย่างเช่น เมื่อมีกีฬาสี ทำโครงงาน หรืออบรมอะไรต่างๆนานา จะเพื่อนรุ่นพี่ก็ไม่กี่คนที่ได้รู้จักกันโดยความบังเอิญ
พอเข้ามหาวิทยาลัย มีอะไรๆที่ไม่เหมือนโรงเรียนหลายอย่าง มีกิจกรรมชมรม มีการเรียนที่สามารถไปเรียนกับเพื่อนต่างคณะ เพื่อนต่างชั้นปีได้ ทำให้มีเพื่อนรุ่นพี่รุ่นน้องมากมายหลายคน
แต่มีเหตุการณ์ที่ทำให้ผมต้องตั้งคำถามกับมิตรภาพ ความเป็น 'เพื่อน' ระหว่างคนต่างชั้นปี ต่างอายุครับ ในมหาวิทยาลัย !
ครั้งหนึ่งผมแนะนำเพื่อนรุ่นพี่ที่ชมรมกับเพื่อนที่เข้ามาหน้าใหม่ โดยบอกไปว่าเพื่อนรุ่นพี่คนนั้นเป็นเพื่อนผม แต่รุ่นพี่คนที่ผมแนะนำเขาให้เพื่อนฟัง พอได้ยินผมเอ่ยถึงเขาว่าเป็นเพื่อนผม แกกลับปฏิเสธมิตรภาพของเรา พี่เขาบอกทันทีว่า "กูเป็นพี่มึงนะ !" ไอ้ตรงนี้แหละครับที่สะดุดใจผมขึ้นมา ผมงงมากทำไมพี่ต้องเป็นแค่พี่จะมาเป็นเพื่อนผมไม่ได้ แล้วที่เราคบหากันอยู่ ออกไปกินข้าว นั่งคุยนั่งเล่น แซวหยอกล้อกันมา มันไม่มีความหมายเลยหรอครับ ?!? ทำไม่พี่เขาถึงได้ริดรอนน้ำใจผมเสียเหลือเกิน !!! ผมแทบอึ้งกับคำพูดพี่เขาที่ฟังดูเหมือนหักหน้ากัน ณ เวลานั้น ผมก็ถามพี่เขาว่าเราไม่ใช่เพื่อนกันแล้วหรา อยู่ดีๆผมไปทำอะไรให้พี่โกรธ พี่เขาตอบกลับว่า "เปล่า มึงมันแค่รุ่นน้องกูต่างหาก !"
พอได้ยินคำตอบ และให้เวลาคิดใคร่ครวญทบทวนอะไรสักพัก ก็เข้าใจว่า การที่พี่เขาบอกว่าผมเป็นรุ่นน้องไม่ใช่เพื่อนนั้น มันมีที่มาจากวิธีการคิดแบบมหาวิทยาลัยที่มันไม่เหมือนกับที่บ้านผม ในมหาวิทยาลัยความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันมันไม่เหมือนพี่น้องแบบในครอบครัว แต่เป็นพี่น้องที่ไม่ใช่พี่น้องธรรมชาติ คลานตามกันมากินอยู่ร่วมกัน จนเกิดความสนิทสนมเหมือนเพื่อนกัน
ความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องในมหาวิทยาลัยเป็นของสมมติ ที่เกิดจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น การเรียนคณะเดียวกัน สถาบันเดียวกัน มาก่อนเป็นพี่มาหลังเป็นน้อง มีระบบกิจกรรมอย่างรับน้องประชุมเชียร์ที่สถาปนาบทบาทรุ่นพี่รุ่นน้องนี้ขึ้นมา มีกิจกรรมประชุมเชียร์ที่ทำให้รุ่นพี่มีทั้งพระเดชพระคุณ จะเห็นได้ว่าความเป็นพี่น้องของ นศ. แบบนี้จะมีความสัมพันธ์เชิงอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้อง
ผมยิ่งเห็นความสัมพันธ์เชิงอำนาจของรุ่นพี่กับรุ่นน้องแบบนี้ได้ชัดในหมู่เพื่อน คณะสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ อย่างพยาบาล หรือสาธารณสุข เวลาพวก นศ.คณะเดียวกันแต่อยู่คนละชั้นปีถ้ามาทำกิจกรรมร่วมกัน พวกที่เป็นรุ่นน้องจะดูเกรงๆไม่ค่อยเข้าหารุ่นพี่เสียเท่าไร หรืออาจจะเพราะคนเยอะก็ไม่ทราบ แต่ความรู้สึกส่วนตัวผมสัมผัสได้ถึงการวางตัวเป็นผู้อาวุโสกับผู้น้อยของเขาได้ชัดเจนมาก หลักฐานเชิงประจักษ์ของสภาพการณ์นี้คือ วัฒนธรรมการไหว้รุ่นพี่ ที่ปลูกฝังกันในหมู่ นศ.เอง ตอนผมเรียนโรงเรียนผมไม่เห็นต้องไหว้รุ่นพี่เลย เจอกันแค่ทักทายเรียกชื่อหรือยิ้มให้กันก็พอ หรือน้องชายที่บ้านตั้งแต่จำความมาได้ผมยังนึกไม่ออกเลยว่ามันเคยไหว้ผมตอนไหน ?!? บางคนอาจจะบอกว่าเป็นการปลูกฝังมารยาททางสังคมที่ดีงาม อันนี้ผมไม่เถียง เพราะเรื่องความดี ความจริง ความงาม ผมว่าเป็นเรื่องอัตวิสัยใครๆก็อาจมองไม่เหมือนกันได้ แต่ผมเชื่อแน่ว่าวัฒนธรรมแบบนี้มันเป็นการบอกความสัมพันธ์เชิงอำนาจ
มีเพื่อนคณะรังสีเทคนิคอธิบายเรื่องที่พี่ต้องวางตัวเป็น 'พี่' จะมาเป็น 'เพื่อน' พูดคุยหยอกล้อเล่นหัวกันไม่ได้นั้น มีความจำเป็นที่ต้องทำแบบนี้เพราะ เวลาไปทำงานในโรงพยาบาล ต้องทำงานเกี่ยวกับชีวิตคน เป็นงานซีเรียส เขาจำเป็นต้องคุมรุ่นน้อง ลูกน้อง หรือคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาให้ได้ งานจะได้ออกมาดี มีระเบียบเรียบร้อย ไม่เสี่ยงต่อการเสียหาย เขายกตัวอย่างจากประสบการณ์ในการฝึกงานมาสนับสนุนคุณค่าของระเบียบวินัยและการตรงต่อเวลา เขามีความเห็นว่าวัฒนธรรมการว๊าก SOTUS มีระบบอาวุโส มีพี่ระเบียบวินัยเป็นของจำเป็นในองค์กรแบบนี้ และเป็นสิ่งที่แก้ไขได้ยาก
ผมก็เห็นว่าความมีระเบียบวินัยเป็นของดีนะครับ แต่ผมไม่ค่อยชอบวินัยที่เกิดจากการบังคับ หรือขู่เข็ญ วางฟอร์มใส่กันเสียเท่าไร ผมเห็นว่ามันเป็นของไม่ยั่งยืน แถมมันเกิดจากอำนาจและความกลัว ผมชอบการปลูกฝังให้คนรู้จักมีวินัยในตนเองมากกว่าการที่จะต้องมาบังคับกัน ผมไม่ได้บอกเพื่อนออกไปตรงๆว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ผมแค่พึมพำๆกับตัวเองว่า "ถ้าให้กูเจอแบบนั้นคงอึดอัดแย่" เพราะใจผมมันรักที่จะมีพี่น้องที่เป็นเพื่อนกันได้มากกว่า ผมไม่อยากมีพี่น้องที่เป็นเพื่อนกันไม่ได้ และผมยังอยากมีเพื่อนที่เป็นทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องอีกด้วย
ผมเคยอ่านหนังสือเจอที่เขาเล่าว่า พระพุทธเจ้าบอกพระอานนท์"กัลยาณมิตรเป็นทั้งหมดของชีวิตพรหมจรรย์" ที่ไม่ได้หมายถึงชีวิตที่ไม่เคยมีอะไรกับใครนะครับ แต่หมายถึงชีวิตที่ดี ส่วนกัลยาณมิตรหมายถึงเพื่อนที่ดีงาม บ้านไหนที่พ่อแม่ลูกสนิทสนมกันครอบครัวอบอุ่นผมเข้าใจว่าพ่อแม่ก็ได้ทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรกับลูกด้วย คือเป็นเพื่อนที่ดีให้กับลูก เห็นไหมครับว่าความเป็น 'เพื่อน' นั้นมันน่ารักขนาดไหน มันลึกซึ้งกินใจอะไรปานนี้ แม้แต่ฝรั่งเขายังแต่งเพลงรักให้ร้องว่า "I'm lucky, I'm in love with my best friend ... " แปลเป็นไทยได้ประมาณว่าฉันช่างโชคดีที่ได้ตกหลุมรักกับเพื่อนแสนดี ไม่เชื่อลองฟังดู
http://www.introlyrics.com/lucky-jason-mraz-colbie-caillat/ แปะคำแปลให้เลยละกัน
ตอบลบ